fbpx

Beyond Beauty Clinic

ดูดไขมัน (BODY LIPOSUCTION) คืออะไร

Body Vaser Liposuction คือ เทคนิคการใช้พลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ Ultrasound เข้าไปสลายไขมันบริเวณ หน้าท้อง, ต้นขา, ต้นแขน และบริเวณตัว ทำให้ก้อนไขมันแตกตัวออกและสลายกลายเป็นของเหลวใต้ผิวหนัง จากนั้นทำการดูดออกอย่างนุ่มนวลและง่ายดาย โดยไม่ทำความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อโดยรอบ เช่น เส้นเลือดเส้นประสาทและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ

โดยแพทย์อาจประเมินลักษณะรูปร่างของคนไข้ ว่ามีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหนก่อนเริ่มทำหัตถการเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิดออกมาจากบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา สะโพก หน้าท้อง คอ ก้น เป็นต้น

จุดที่คนนิยมดูดไขมัน

1.ดูดไขมันเหนียง : แก้ปัญหาหน้ากลม เหนียงหย่อนยาน ดูดแล้วเหนียงกระชับ กรอบหน้าชัด
2.ดูดไขมันต้นแขน : แขนเรียวสวย แก้ปัญหาแขนใหญ่ดูตัน แขนย้วย
3.ดูดไขมันเอว : สร้างเอวสวยเป็นทรงเอส หรือเอวคอดเหมือนนาฬิกาทราย มีส่วนเว้าส่วนโค้ง
3.ดูดไขมันหน้าท้อง : หน้าท้องเรียบ แบนราบ มีไลน์กล้ามเนื้อดูสุขภาพดี
4.ดูดไขมันน่อง : เรียวขาสวยสมดุลขึ้น แก้ปัญหาน่องปูด น่องใหญ่
5.ดูดไขมันต้นขา สะโพก : ต้นขาเรียวสวย เสริมก้นและสะโพกให้ได้ทรงสวยชัดขึ้น
6.ดูดไขมันใต้รักแร้ : ลดไขมันสะสมใต้รักแร้หรือไขมันนมน้อย ช่วยกระชับผิวที่ปลิ้นออกมา

ดูดไขมันเหมาะกับใครบ้าง

1.ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะที่
2.ผู้ที่มีปัญหารูปร่างไม่สมส่วน
3.ผู้ที่น้ำหนักตัวน้อยแต่มีไขมันส่วนเกิน เช่น ผอมแต่มีพุงหมาน้อย
4.ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมจากการกินยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์
5.ผู้ที่มีไขมันหน้าท้องจากการฉีดยาอินซูลินเป็นประจำหลายปี
6.ผู้ที่อยากมีหุ่นสวยเป๊ะทันที แต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย
7.คุณแม่หลังคลอดที่อยากกระชับหุ่นและดูดไขมันหน้าท้อง

ดูดไขมันช่วยเรื่องใดบ้าง

1.แก้ปัญหาไขมันส่วนเกินในร่างกายอย่างเร่งด่วน
2.ช่วยปรับสัดส่วนที่ไม่เข้ารูป ให้เรียวสวยขึ้น
3.ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในบุคลิกภาพ
4.สามารถนำไขมันส่วนเกินไปเติมในส่วนที่ขาดได้ เพื่อให้มีรูปร่างที่สมส่วน ดูสุขภาพดี

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน

หลังการดูดไขมันอาจพบเจอกับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่ไม่รุนแรงก็อาจเกิดผิวเป็นคลื่นบุ๋ม ไม่ราบเรียบเสมอกัน ซึ่งเกิดจากการดูดไขมันที่เยอะเกินไปหรือดูดไขมันผิดตำแหน่ง และอาจเกิดอาการชา ปวดบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งสามารถกินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ ส่วนในกรณีที่รุนแรงก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการดูดไขมันปริมาณมากเกินไป และอาจเกิดการติดเชื้อหรือมีภาวะเลือดออกที่แผลผ่าตัด ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น โรคประจำตัว การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน การกินยา เป็นต้น

ดูดไขมันที่ไหนดี

1.คลินิกได้มาตรฐานตามกระทรวงสาธารณสุข
2.ทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการสารมารถตรวจสอบได้
3.เครื่องมือและอุปกรณ์ได้มาตรฐาน

การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมัน

1.แจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียดกับแพทย์ ทั้งโรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด การแพ้ยา ปัญหาสุขภาพ
2.งดการใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin) ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนดูดไขมัน
3.งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนดูดไขมัน 6 สัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้แผลหายช้า และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย
4.อาบน้ำและสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย
5.งดการแต่งหน้าและทาเล็บ เพื่อให้แพทย์สังเกตอาการต่างๆ ได้
6.กรณีดมยาสลบ ควรงดน้ำและอาหารตามที่แพทย์สั่ง เพื่อป้องกันการสูดสำนักน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร
7.ควรเตรียมเสื้อผ้าที่หลวม สวมใส่สะดวก และไม่สัมผัสแผลขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า
8.พาเพื่อนหรือญาติมาเป็นผู้ดูแล เพื่อพากลับในวันผ่าตัด
9.หากเป็นผู้หญิง ต้องหลีกเลี่ยงการผ่าตัดช่วงมีประจำเดือน

ขั้นตอนการดูดไขมัน

1.แพทย์ประเมินและอธิบายตำแหน่งในการเปิดแผลดูดไขมัน
2.วัดสัดส่วนบริเวณที่ต้องดูดไขมันออก และทำเครื่องหมายบนร่างกายไว้
3.ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
4.แพทย์ทำการเจาะรูเล็กๆ ประมาณ 0.5 – 1 เซนติเมตรที่ผิวหนัง
5.ใส่ท่อเรียวยาวที่ต่อกับเครื่องปั๊มสุญญากาศหรือเครื่องอัลตราซาวนด์ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 – 5 มิลลิเมตรเข้าไปดูดไขมันออกมา
6.ปริมาณไขมันที่ดูดออกมาจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและปริมาณไขมันที่สะสมไว้ ซึ่งอาจมีเลือดออกบ้างเล็กน้อย
7.เย็บปิดแผลที่ดูดไขมันจุดละ 1 เข็ม หลังผ่าตัดแพทย์จะใช้ผ้าพันหรือรัดบริเวณที่ดูดไขมันไว้

การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมัน

1.กินยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาลดบวม และยาฆ่าเชื้อ ตามคำแนะนำของแพทย์
2.ห้ามแผลโดนน้ำโดยเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
3.ใช้ยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดแผล และเปลี่ยนผ้าก๊อซเป็นประจำทุกวัน จนกว่าแผลจะแห้งและพร้อมตัดไหม
4.งดกินยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
5.งดกินอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล ของเค็ม ของหมักดอง
6.งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์
7.เมื่อครบ 1 สัปดาห์ แพทย์จะนัดตัดไหม ห้ามทายาป้องกันแผลเป็น แต่ใช้ถูนวดเบาๆ บริเวณฟกช้ำได้
8.หลัง 1 เดือน สวมใส่ชุดกระชับสัดส่วน (Pressure Garment) วันละ 18 – 20 ชั่วโมง หลังใส่แล้วประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ให้ปลดตะขอหรือถอดพัก 30 นาที – 1 ชั่วโมง ป้องกันแผลกดทับ
9.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือยกของหนักในช่วง 1 เดือนหลังการดูดไขมัน
10.ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ ป้องกันไม่ให้รูปร่างกลับไปเหมือนเดิม

Q&A

Q : ดูดไขมันราคาเท่าไร
A : ราคาแตกต่างกันไปตามเครื่องมือที่ใช้ และตำแหน่งที่ต้องการการดูดไขมัน เช่น การดูดไขมันเฉพาะจุดก็จะมาราคาถูกกว่าการดูดไขมันทั้งตัวเพราะพิ้นที่ในการดูดและเวลาในการทำหัตถการแตกต่างกัน

Q : ดูดไขมันอันตรายไหม
A : การดูดไขมันในปัจจุบันไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด เพราะด้วยความชำนาญของแพทย์และมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามารองรับและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Q : ดูดไขมันเจ็บไหม
A : เจ็บน้อย เพราะมีการใช้ยาชาที่ช่วยลดความเจ็บขณะทำ และเทคนิคความชำนาญของแพทย์อีกทั้งหลังทำแล้ว ยังมีแผลเล็ก ใช้เวลาพักฟื้นตัวไม่นาน

Q : การดูดไขมัน ต่างจากการลดความอ้วนไหม
A : ต่างจากการลดความอ้วน เพราะเป็นการกระชับสัดส่วน ทำให้สัดส่วนลดลง และเห็นรูปร่างเป็นทรงสวยชัดเจนขึ้นเท่านั้น

Scroll to Top